ตรวจสอบแผน BCM อย่างต่อเนื่อง - เคล็ดลับรักษาความยั่งยืนของธุรกิจ
อัพเดทล่าสุด: 4 มี.ค. 2025
107 ผู้เข้าชม
ตรวจสอบแผน BCM อย่างต่อเนื่อง - เคล็ดลับรักษาความยั่งยืนของธุรกิจ
ในโลกที่ธุรกิจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากภัยคุกคามต่าง ๆ เช่น ภัยไซเบอร์ วิกฤตเศรษฐกิจ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ การมี แผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCM - Business Continuity Management) ที่มีประสิทธิภาพถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่การมีแผนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอการตรวจสอบและปรับปรุงแผน BCM อย่างต่อเนื่อง คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจยังคงอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว
บทเรียนจากเหตุการณ์จริง: เมื่อองค์กรล้มเหลวเพราะแผน BCM ล้าสมัย
หนึ่งในกรณีศึกษาที่สะท้อนความสำคัญของการทบทวนแผน BCM อย่างต่อเนื่องคือเหตุการณ์ Ransomware Attack ในปี 2021 ซึ่งทำให้บริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายใหญ่ต้องหยุดดำเนินงานเป็นเวลาหลายวัน
แม้ว่าบริษัทจะมีแผน BCM อยู่แล้ว แต่เมื่อภัยคุกคามเกิดขึ้นจริง พบว่า:
ขั้นตอนกู้คืนระบบไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากซอฟต์แวร์และข้อมูลสำรองถูกเข้ารหัสทั้งหมด
ไม่มีการฝึกซ้อมแผนเป็นประจำ ทำให้พนักงานสับสนเกี่ยวกับกระบวนการกู้คืน
แผนไม่ได้อัปเดตให้สอดคล้องกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ล่าสุด
ผลลัพธ์คือ บริษัทสูญเสียรายได้ไปหลายล้านดอลลาร์ และลูกค้าสูญเสียความเชื่อมั่น
5 เคล็ดลับในการตรวจสอบแผน BCM อย่างต่อเนื่อง
จากบทเรียนข้างต้น เราสามารถสรุป 5 เคล็ดลับที่ช่วยให้องค์กรสามารถรักษาความยั่งยืนของธุรกิจได้
1. กำหนดตารางตรวจสอบ BCM เป็นประจำ
องค์กรควรมีการ ตรวจสอบแผน BCM อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การเงิน เทคโนโลยี และการแพทย์
ตัวอย่าง: บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่บางแห่งมีการ ทบทวนแผน BCM รายไตรมาส เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรการป้องกันยังคงทันสมัย
2. ทดสอบแผนผ่านการจำลองสถานการณ์ (BCM Testing & Simulation)
การฝึกซ้อมช่วยให้องค์กรมั่นใจว่าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจริง ทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไร
ประเภทของการทดสอบที่นิยม:
Tabletop Exercise (ฝึกซ้อมโดยใช้สถานการณ์สมมติ)
Live Simulation (ทดสอบในสภาพแวดล้อมจริง)
IT Disaster Recovery Testing (ทดสอบระบบกู้คืนข้อมูล)
ตัวอย่าง: ธนาคารหลายแห่งในสหรัฐฯ มีการฝึกซ้อม Cyber Attack Drill เพื่อให้แน่ใจว่าระบบยังสามารถปกป้องข้อมูลลูกค้าได้แม้ถูกโจมตี
3. อัปเดตแผน BCM ให้สอดคล้องกับภัยคุกคามใหม่ ๆ
ภัยคุกคามในโลกธุรกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว องค์กรต้องเฝ้าติดตามแนวโน้มและปรับปรุงแผนให้ทันสมัย
ตัวอย่าง:
ในช่วงโควิด-19 หลายบริษัทต้องอัปเดต BCM เพื่อรองรับ Remote Work และการเปลี่ยนแปลงในซัพพลายเชน
องค์กรด้านไอทีต้องเพิ่มมาตรการป้องกัน Ransomware หลังจากมีเหตุการณ์โจมตีข้อมูลขนาดใหญ่
4. มีการสื่อสารแผน BCM กับพนักงานทุกระดับ
แผนที่ดีแต่พนักงานไม่เข้าใจ = ไร้ประโยชน์
องค์กรต้องให้ความรู้และอบรมพนักงานเกี่ยวกับ BCM อย่างสม่ำเสมอ และมี BCM Awareness Program เพื่อให้พนักงานเข้าใจบทบาทของตนในภาวะฉุกเฉิน
ตัวอย่าง: บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านอุตสาหกรรมเคมี มีการฝึกอบรม Emergency Response Training ทุกไตรมาส เพื่อให้พนักงานสามารถรับมือกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
5. มีตัวชี้วัด (KPI) เพื่อติดตามประสิทธิภาพของ BCM
การตั้ง KPI ทำให้องค์กรสามารถวัดผลความสำเร็จของแผน BCM ได้ชัดเจน
ตัวอย่าง KPI ที่นิยมใช้:
เวลาในการกู้คืนระบบ (Recovery Time Objective - RTO)
ระยะเวลาที่ธุรกิจสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องใช้ระบบหลัก (Maximum Tolerable Downtime - MTD)
ผลตอบรับจากการฝึกซ้อมแผน (Training Effectiveness Score)
ในโลกที่ธุรกิจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากภัยคุกคามต่าง ๆ เช่น ภัยไซเบอร์ วิกฤตเศรษฐกิจ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ การมี แผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCM - Business Continuity Management) ที่มีประสิทธิภาพถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่การมีแผนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอการตรวจสอบและปรับปรุงแผน BCM อย่างต่อเนื่อง คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจยังคงอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว
บทเรียนจากเหตุการณ์จริง: เมื่อองค์กรล้มเหลวเพราะแผน BCM ล้าสมัย
หนึ่งในกรณีศึกษาที่สะท้อนความสำคัญของการทบทวนแผน BCM อย่างต่อเนื่องคือเหตุการณ์ Ransomware Attack ในปี 2021 ซึ่งทำให้บริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายใหญ่ต้องหยุดดำเนินงานเป็นเวลาหลายวัน
แม้ว่าบริษัทจะมีแผน BCM อยู่แล้ว แต่เมื่อภัยคุกคามเกิดขึ้นจริง พบว่า:
ขั้นตอนกู้คืนระบบไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากซอฟต์แวร์และข้อมูลสำรองถูกเข้ารหัสทั้งหมด
ไม่มีการฝึกซ้อมแผนเป็นประจำ ทำให้พนักงานสับสนเกี่ยวกับกระบวนการกู้คืน
แผนไม่ได้อัปเดตให้สอดคล้องกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ล่าสุด
ผลลัพธ์คือ บริษัทสูญเสียรายได้ไปหลายล้านดอลลาร์ และลูกค้าสูญเสียความเชื่อมั่น
5 เคล็ดลับในการตรวจสอบแผน BCM อย่างต่อเนื่อง
จากบทเรียนข้างต้น เราสามารถสรุป 5 เคล็ดลับที่ช่วยให้องค์กรสามารถรักษาความยั่งยืนของธุรกิจได้
1. กำหนดตารางตรวจสอบ BCM เป็นประจำ
องค์กรควรมีการ ตรวจสอบแผน BCM อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การเงิน เทคโนโลยี และการแพทย์
ตัวอย่าง: บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่บางแห่งมีการ ทบทวนแผน BCM รายไตรมาส เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรการป้องกันยังคงทันสมัย
2. ทดสอบแผนผ่านการจำลองสถานการณ์ (BCM Testing & Simulation)
การฝึกซ้อมช่วยให้องค์กรมั่นใจว่าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจริง ทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไร
ประเภทของการทดสอบที่นิยม:
Tabletop Exercise (ฝึกซ้อมโดยใช้สถานการณ์สมมติ)
Live Simulation (ทดสอบในสภาพแวดล้อมจริง)
IT Disaster Recovery Testing (ทดสอบระบบกู้คืนข้อมูล)
ตัวอย่าง: ธนาคารหลายแห่งในสหรัฐฯ มีการฝึกซ้อม Cyber Attack Drill เพื่อให้แน่ใจว่าระบบยังสามารถปกป้องข้อมูลลูกค้าได้แม้ถูกโจมตี
3. อัปเดตแผน BCM ให้สอดคล้องกับภัยคุกคามใหม่ ๆ
ภัยคุกคามในโลกธุรกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว องค์กรต้องเฝ้าติดตามแนวโน้มและปรับปรุงแผนให้ทันสมัย
ตัวอย่าง:
ในช่วงโควิด-19 หลายบริษัทต้องอัปเดต BCM เพื่อรองรับ Remote Work และการเปลี่ยนแปลงในซัพพลายเชน
องค์กรด้านไอทีต้องเพิ่มมาตรการป้องกัน Ransomware หลังจากมีเหตุการณ์โจมตีข้อมูลขนาดใหญ่
4. มีการสื่อสารแผน BCM กับพนักงานทุกระดับ
แผนที่ดีแต่พนักงานไม่เข้าใจ = ไร้ประโยชน์
องค์กรต้องให้ความรู้และอบรมพนักงานเกี่ยวกับ BCM อย่างสม่ำเสมอ และมี BCM Awareness Program เพื่อให้พนักงานเข้าใจบทบาทของตนในภาวะฉุกเฉิน
ตัวอย่าง: บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านอุตสาหกรรมเคมี มีการฝึกอบรม Emergency Response Training ทุกไตรมาส เพื่อให้พนักงานสามารถรับมือกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
5. มีตัวชี้วัด (KPI) เพื่อติดตามประสิทธิภาพของ BCM
การตั้ง KPI ทำให้องค์กรสามารถวัดผลความสำเร็จของแผน BCM ได้ชัดเจน
ตัวอย่าง KPI ที่นิยมใช้:
เวลาในการกู้คืนระบบ (Recovery Time Objective - RTO)
ระยะเวลาที่ธุรกิจสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องใช้ระบบหลัก (Maximum Tolerable Downtime - MTD)
ผลตอบรับจากการฝึกซ้อมแผน (Training Effectiveness Score)
บทความที่เกี่ยวข้อง
แนวโน้ม BCM ในอนาคต: AI, Automation และความต่อเนื่องทางธุรกิจ
ในโลกที่ธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น ภัยไซเบอร์, ภัยธรรมชาติ หรือความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ทำให้ Business Continuity Management (BCM) กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ แนวโน้มของ BCM ในอนาคต กับบทบาทของ AI (Artificial Intelligence) และ Automation ในการคาดการณ์ความเสี่ยงและตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินผ่านกรณีศึกษาจากองค์กรระดับโลก เช่น JP Morgan Chase และ Walmart ที่นำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแผน BCM
4 มี.ค. 2025
กรณีศึกษา: องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการใช้ BCM อย่างมีประสิทธิภาพ
BCM (Business Continuity Management) หรือการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถฟื้นตัวจากวิกฤติได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติ ภัยไซเบอร์ หรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดู 3 กรณีศึกษา ขององค์กรระดับโลกที่สามารถใช้ BCM ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่
✅ Toyota – ฟื้นตัวจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น ด้วยซัพพลายเชนสำรองและศูนย์บัญชาการฉุกเฉิน
✅ Netflix – ใช้ Cloud Computing และ Chaos Engineering รับมือกับระบบไอทีล่ม ป้องกันปัญหาการให้บริการ
✅ MasterCard – ป้องกันภัยไซเบอร์ด้วย AI และศูนย์ข้อมูลหลายแห่ง ช่วยให้ธุรกรรมทางการเงินปลอดภัย
องค์กรเหล่านี้ประสบความสำเร็จเพราะ มีแผน BCM ที่ชัดเจน, ทดสอบระบบเป็นประจำ และใช้เทคโนโลยีช่วยลดความเสี่ยง
4 มี.ค. 2025
การฟื้นฟูธุรกิจหลังวิกฤต (Disaster Recovery): ขั้นตอนที่ทุกองค์กรต้องมี
เมื่อเกิดภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ การโจมตีทางไซเบอร์ หรือระบบไอทีล่ม Disaster Recovery (DR) คือกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จัก 6 ขั้นตอนสำคัญในการวางแผน DR เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถรับมือกับวิกฤติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1️⃣ วิเคราะห์ความเสี่ยงและผลกระทบทางธุรกิจ (Risk & Impact Assessment)
2️⃣ จัดทำแผนฟื้นฟูระบบไอที (IT Disaster Recovery Plan)
3️⃣ กำหนดทีมรับผิดชอบและช่องทางสื่อสารฉุกเฉิน
4️⃣ ทดสอบแผน DR อย่างสม่ำเสมอ
5️⃣ ใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติช่วยกู้คืนระบบ
6️⃣ ปรับปรุงแผน DR ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
นอกจากนี้ องค์กรยังต้องเตรียมรับมือกับภัยคุกคามยุคใหม่ เช่น Ransomware และ Data Breach โดยการนำ AI และ Zero Trust Security มาใช้เพิ่มความปลอดภัย
25 ก.พ. 2025